ไม่มีแค็ตตาล็อก, Travel
Comment 1

QUICK GUIDE :  จอร์แดน – ทริปในฝัน กับ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ

ทริปจอร์แดนคือที่แรกที่เราเลือกหลังจากที่ไม่ได้เดินทางมาเกือบๆ 2 ปี ด้วยความที่เป็นจุดหมายในฝัน ที่แพลนไว้นานมากๆ ตั้งแต่ปี 2019 แต่เกิดโควิคเสียก่อนเลยต้องพับแผนลงไป จนมาถึงวันนี้สถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้นเรือยๆ เลยตัดสินใจเดินทางไปทันที ประเทศจอร์แดนในวันที่ไร้นักท่องเที่ยวเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ สำหรับเราที่ชอบถ่ายรูปแม้จะต้องแลกกับค่าใช้จ่ายต่างๆในการเดินทางในช่วงโควิคที่แพงมากๆ ในเรื่องการครวจ PCR ทั้งก่อนไปและตอนมาถึง หรือแม้กระทั่งตอนกลับ ก็ต้องทำเช่นกัน และเรื่องกักตัว Sandbox อีกแต่ก็ถือว่าคุ้มค่า คนจอร์แดนใจดีมาก อาหารอร่อยถูกใจสายอาหารแขกอย่างเราเป็นทริปที่เรารู้สึกประทับใจ และดีใจที่ตัดสินใจมาที่นี้เป็นที่แรกในการเดินทาง

เราเลือกเดินทางวันที่ 19-26 มกราคม 65 เพราะว่า เป็นหน้าหนาวของที่นั้น เขาว่าอากาศดี ไม่ร้อนมากนัก เลยตัดสินใจไปช่วงเวลานี่ โดยสายการบิน Qatar Airways

เงินจอร์แดน 🇯🇴

มีชื่อเรียกสกุลเงินว่าดีนาร์

1 ดีนาร์ตีเป็นเงินไทยประมาณ 46 บาท

ปกติเราชอบเก็บสะสมธนบัตรต่างๆตามแต่ประเทศที่ไป เพราะชอบรายละเอียดรูปภาพบนธนบัตรในแต่ละใบ ยิ่งประเทศแขกๆ ตะวันออกกลาง อาหรับนี่ชอบมากก มันดูมีเรื่องราวดี.🤣

สำหรับคนไทยที่จะเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศจอร์แดน สามารถทำ Visa On Arrival ณ ที่สนามบินนานาชาติควีนอาลียาได้เลย แต่เราแนะนำว่า ให้ชื้อ Jordan Pass มาก่อนดีกว่า เพราะว่าคุ้มค่า และประหยัดเงินได้มาก ตัว Jordan Pass จะมีหลายแพคเก็ตให้เราเลือก ส่วนประกอบต่างๆ จะมี เข้าสถานที่ท่องเทียวฟรี และมีค่า VISA รวมอยู่ด้วย ถ้าคำนวนดีๆถูกกว่าชื้อแยกแน่นอน เราเลือกอันที่ 2 เพราะเราจะอยู่ที่เพตรา 2 วัน

พอชื้อเสร็จเราก็จะได้ QR Code มา ให้เราปริ้นและไปยื่นที่เคาเตอร์ตรวจคนเข้าเมืองทสนามบิน ประเทศจอร์แดนได้เลย

รายละเอียดต่างๆดูได้ที่ https://www.jordanpass.jo/Default.aspx

วิธีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆในประเทศจอร์แดน ที่ยอดฮิตมากที่สุดก็คือ การเช่ารถขับนั้นเอง แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็ใช้บริการ เหมารถแท๊กซี่ก็ได้ แต่ราคาอาจจะสูงมาก แต่ถ้าไปกันหลายคนหารกันน่าจะดีขึ้น

เว็ปจองตั๋วรถบัส จากกรุงอัมมาน ไปยัง เพตรา https://www.jett.com.jo/en

Sim Cards ในจอร์แดน มีหลาบค่ายอย่าง Umniah, Orange & Zain สามารถชื้อได้ในอาคารผู้โดยสารขาเข้าตรงบริเวณทางออก เราเลือกค่าย Zain เน็ตแรง ใช้ได้ทุกพื้นที่เลย ยกเว้น Wadi Rum ไม่ต้องลงทะเบียนอะไรทั้งนั้น เพียงแค่ใส่ซิมก็สามารถใช้ได้เลย

DAY1

หลังจากที่ผ่านตรวจคนเข้าเมือง ก็มาถึงขั้นตอนตรวจหาเชื้อโควิคเมื่อมาถึง ซึ่งเราต้องลงทะเบียนและจ่ายเงิน เพื่อรับ QR Code และมาตรวจเมื่อมาถึงสนามบิน

และจัดการทุกอย่างที่สนามบินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราให้รถที่ติดต่อผ่านโรงแรมมารับ และเดินทางเข้าไปยังในตัวเมืองอัมมาน ที่พักคืนแรกเราเลือกพักที่ 7boys hotel คืนละ 1,500 บาท พร้อมอาหารเช้า เหตุผลที่เราเลือกที่นี่ เพราะใกล้สถานีรถบัส JETT ที่จะไปยังเมือง Petra ซึ่งจะออกวันละเที่ยวเท่านั้น เวลา 8:00

เราจองตั๋วรถบัสผ่านออนไลน์ไม่ได้ เลยเดินจากโรงแรมไปสถานีรถบัสที่ห่างเพียง 100 เมตรเท่านั้น เพื่อจองตั๋วรถบัสไปเพตรา พรุ่งนี้เช้า เราไปช่วงหน้าหนาว จากตารางรถเดิม 6:30 เป็น 8:00 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ไม่มีขนมให้บนรถนะครับ อย่าลืมขออาหารเช้าใส่กล่องจากโรงแรมด้วยนะครับ

หลังจากที่ไปชื้อตั๋วรถบัสเสร็จแล้ว พวกเราสองคนก็ไปหาอะไรกินกัน รอบๆ โรงแรมของพวกเรา ส่วนใหญ่จะเป็นร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตหลายร้านเลย และก็มีร้านอาหารนึง ที่ขายอาหารโลคอลเลย น่าสนใจมาก เลยรีบเดินเข้าร้านไปลองกันเลย

พวกเราไม่รอช้า ดูเมนู และเลือกเมนูทุกอย่างที่เราอยากกิน ปกติแล้วตั้งแต่ประเทศไทยเราสองคนชอบลองอาหารหลากหลายสัญชาติเลย อย่างอาหารตะวันออกกลางเป็นอะไรที่เราชอบมาก เพราะฉะนั้นเราจึงคุ้นเคยกับอาหารเหล่านี้

มื้อแรกของพวกเราในจอร์แดน ในกรุงอัมมาน ก็ขอเลือกมาให้ครบทุกอย่างเลยละกัน อย่าง Hummus,Falafel,Mutabal อาหารขึ้นชื่อที่ชาวจอร์แดนทานกัน โดยมีเครื่องเคียงอย่างผักสด และแผ่นแป้ง หลังจากท่ีได้ลิ้มลองรสชาติไป ขอบอกเลยว่า อร่อยมากก ถูกใจสุดๆ

หลังจากนั้นพวกเราก็ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกของทริปกันเลยดีกว่า เรียกรถแท๊กซี่จากหน้าโรงแรม ไปยัง Amman Citadel เป็นสถานที่ที่สามารถขึ้นมาดูวิวเมืองอัมมานบนเนินเขาสูง 850 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในกรุงอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดน ที่ป้อม Rabbath Ammon ได้

เสร็จจากตรงนี้แล้ว เราก็ไปหาร้านอาหารสำหรับทานมื้อเย็นกันดีกว่า เราเลือกร้าน Ghaith Restaurant ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักประมาณเกือบกิโล ร้านนี้เราอยากจะแนะนำว่า ถ้าใครอยากลองอาหารจอร์แดน หลายๆอย่าง ในร้านเดียว ร้านนี้คือเหมาะมากๆ เพราะมีทุกอย่างเลย ส่วนรสชาติใช้ได้เลย หลังจากที่ได้ลองชิม มื้อนี้ เราสั่งเป็นข้าวหมกไก่ และ เคบับย่างรวม

DAY2

ตื่นเช้า มารับอาหารเช้าที่ทางโรงแรมแพคให้ เพื่อไปกินบนรถบัส ระหว่างทางจากกรุงอัมมานไปยังเพตรา เวลานัดขึ้นรถคือ 8 โมงเช้า เราไปถึงสถานีรถก็ประมาณ 7 โมงเช้าระหว่างที่รอรถก็สามารถเดินไปชื้อขนมขึ้นไปกินบนรถได้ กับชื้อชาร้อนจิ้บระหว่างรอ

หลังจากที่นั่งบนรถมาหลายชั่วโมงเราก็เดินทางมาถึงที่ Petra แล้วว ที่พักที่เราเลือกคือ Petra Main Gate โรงแรมตั้งอยู่หน้าทางเข้าเพตราเลย สะดวกมาก คืนละ 1,350 บาท ไม่มีอาหารเช้า เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ 2 คืน ตั้งใจว่าจะเดินถ่ายข้างในนี้เรือยๆ เราสามารถใช้ Jordan Pass ในการเข้าสถานที่นี้ได้ด้วย ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มเลยครับ

สถานที่แห่งนี้คือ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ มีชื่อเรียกว่านครเพตรา คือนครหินแกะสลักโบราณที่ซ่อนตัวอย่างลึกลับในหุบเขาวาดี มูซา หุบเขาที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลอัคบาในประเทศ จอร์แดน นครนี้แต่เดิมนั้นเป็นนครแห่งการค้าขนาดใหญ่ซึ่งต่อมาถูกละทิ้งเป็นเวลานานกว่า 700 ปี จนเมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบเห็นเข้าเมื่อปี พ.ศ. 2355

มันเลยเป็นสถานที่ที่ดูลึกลับมากๆ และก็มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่างเลย ทั้งเรื่องการแกะสลักหินเป็นบ้านคน หรือเป็นรูปทรงต่างๆ ซึ่งถ้าหากดูใกล้ๆ ล้วนเป็นงานฝืมือและมีความละเอียดมาก

บริเวณนี้มีชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ด้วย โดยจะอาศัยอยู่ตามหุบเขา และผาต่างๆ จะพบได้ตามจุดชมวิว ด้านบน ซึ่งเขาจะบริการให้แก่คนที่เดินขึ้นมาชมวิวด้านบน

สื่งหนึ่งที่จะพบเจอเมื่อเดินมาถึงในส่วนของเพตรา เราจะเจอไกด์มากมายที่เดินเข้ามาและยื่นข้อเสนอต่างๆให้กับเรา ไม่ว่าจะแนะนำมุมถ่ายรูปให้ หรือพาขึ้นไปยังจุดชมวิวยอดฮิตบนผาต่างๆ แลกกับเงิน ตอนเราไปถึงเราอยากขึ้นไปถ่ายรูปบนผา จุดชมวิว เราตกลงได้ที่คนละ 15 USD เพื่อพาขึ้นไป

จุดแรกที่ไกด์พาขึ้น เป็นจุดที่เรียกว่า Top View เป็นจุดที่อยู่สูงที่สุด ขอบอกเลยว่า เมื่อขึ้นมายืนอยู่ข้างบนและมองลงไป รู้สึกหวาดเสียวมาก แต่ก็จะได้มุมที่ดูน่าค้นหา

จุดที่ 2 เรียกว่า Middle Point เป็นจุดชมวิวที่เราอยากไปถ่ายรูปมากที่สุด เพราะเห็นวิวเพตรา ชัดเจนดี มากกว่ามุมด้านบน และปีนขึ้นมาง่ายกว่าอีกด้วย ช่วงเวลาที่เราถ่ายรูป เป็นเวลา 10 โมงเช้าแล้ว แสงกำลังสาดเข้าตัววิหารพอดี แต่ถ้าใครอยากได้บรรยากาศวิหารสีชมพูๆ แนะนำให้มาช่วงบ่ายเลย จะได้ภาพคนละฟิลกับตอนนี้เลยทีเดียว

Mansaf & Mix Grills

เมื่อจบที่เพตราแล้ว เราก็เหมารถแท๊กซี่จาก Petra ไปยัง Wadi Rum ทะเลทรายที่สวยที่สุดในจอร์แดน เราจะใช้เวลาที่นี้ 1 คืนเท่านั้น แนะนำให้จองที่พักก่อน และติดต่อรถรับส่งจากที่พักได้เลย สะดวกมาก เราจองที่พักชื่อว่า Arabian Nights

จากจุดนัดเจอที่ Wadi Rum Village รถก็รับพวกเราไปยังแคมป์เลย ใช้เวลาเดินทางไม่นานเท่าไหร่ แต่ระหว่างทางนั้น สวยสุดๆไปเลย วิวภูเขาที่ยิ่งใหญ่ รูปร่างแปลกตามากมาย ตื่นตาจริงๆ

เมื่อมาถึงที่พัก วิวที่เห็นคือ สุดยอดมากๆ รายล้อมไปด้วยหุบเขา อากาศเย็นสบายมาก เป็นที่พักที่อยากจะแนะนำเลย ถ้าหากใครที่สนใจอยากมา Wadi Rum ด้วยที่เรามาถึงแต่เช้า เราเลยได้จอง one day trip ด้วยซะเลย

One day trip โปรแกรมจะเป็นการนั่งรถกระบะวิ่งไปตามจุดต่างๆใน Wadi Rum พอถึงตามจุดต่างๆ ไกด์ก็จะอธิบายรายละเอียดสถานที่ต่างๆ และปล่อยให้เราได้เดินสำรวจกันเอง และมาขึ้นรถตามจุดที่นัดแนะเอาไว้

หินรูปร่างทรงเห็ดแปลกตาดี!

ถ้าถามว่า ชอบที่ไหนในจอร์แดนมากที่สุดก็คงตอบเลยว่า ชอบทะเลทราย Wadi Rum เพราะบรรยากาศต่างๆ มันสวยงามมาก ทะเลทรายที่กว้างใหญ่ และภูเขาที่มีรูปทรงสวยๆ มองไปทางไหนก็รู้สึกดีไปหมด

ช่วงที่เราไปคือช่วงหน้าหนาว ท้องฟ้าจะปลอดโปร่งกลางคืนเราจะสามารถมองเห็นดวงดาวได้อย่างชัดเจน โดยที่ไม่มีอะไรมาบัง สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศได้อย่างเต็มอิ่มเลย

ไฮไลด์สำคัญของทริปคือ อาหารค่ำ ที่จะเป็นการเสริฟอาหารที่มีวิธีการทำที่แปลกดี อาหารหลักก็คือ ไก่ย่าง โดยการทำ เขาก็จะนำ ผักต่างๆ ไก่ ไปวางตรงตะแกรง แล้วขุดหลุม ใส่ถ่านไฟร้อนๆ ไว้ที่พื้น แล้วเอาตะแกรงวางลงไป แล้วเอาฟอยล์ห่ออาหาร แล้วเอาทรายกลบ อบอาหารไว้ พอถึงเวลาก็ขุดทราย แล้วนำตะแกรงอาหารขึ้นมา พร้อมเสริฟร้อนๆเลย

พอจบทริป Wadi Rum พวกเราก็เหมารถไปยังจุดหมายสุดท้ายของเรากันต่อ นั้นก็คือ Dead Sea นั้นเอง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น ระหว่างทางไป คนขับจะพาไปยังเส้นที่ติดชายแดน อิสลาเอล วิวระหว่างทางสวยมาก เราจะพบกับวิวทะเล สลับกับทะเลทราย

ขับมาสักพักก็ถึงทะเล Dead Sea แล้ววิวที่เห็นคือ ทะเลสีสันสวยงาม คนขับบอกเราว่า จะพาไปยังจุดชมวิวต่างๆ ก่อนก่อนที่จะไปยังโรงแรม

Once in the life time 🇯🇴 ทะเลที่ไม่มีวันจม Dead Sea ประเทศจอร์แดน ครั้งนึงในชีวิตที่ได้มาลอยตัวบนผิวน้ำทะเลเกลือที่นี่ โดยที่ไม่ต้องพยายามว่ายเลย ตกใจมากกแต่ก็สนุกดี ได้มีลองชิมน้ำทะเลเกลือโดยไม่ได้ตั้งใจด้วย ซึ่งเค็มมากกก โดนตาก็แสบกว่าน้ำทะเลปกติ ซึ่งคิดว่าก็ไม่ได้อันตรายมาก อย่าโดนเยอะก็พอ

และยังได้ลองทา Mud ของขึ้นชื่อที่นี่อีกด้วย พอล้างตัวผิวนุ่ม เนียนขึ้นเยอะเลย 😂 ดีใจที่ได้มาที่นี่เพราะว่าระดับน้ำทะเลเกลือของที่นี่ก็ลดลงเรื่อยๆตลอดทั้งปี เห็นว่ามีโรงงานเกลือแถวนี้หลายแห่ง บวกสภาพแห้งแล้งของประเทศอีกด้วย

จบแล้วสำหรับรีวิวประเทศจอร์แดน สิ่งที่ชอบมากที่สุด ก็คิอ คนจอร์แดน ที่เป็นมิตรมาก สุภาพสุดๆ ช่วยเหลือพวกเราตลอดเวลาเจอปัญหา เป็นอิะไรที่เกินคาดจริงๆ เป็นคาดมากจริงๆสำหรับทริปนี

1 Comment

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s