วันแรกที่เมือง New Delhi ประเทศอินเดีย กับเช้ามืดที่สภาพอากาสแย่ ฝุ่นเยอะมาก ก็เตรียมเดินทางไปยังเมือง Agra ก่อน โดยรถไฟ AC Class ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง เป็นขบวนที่นักท่องเที่ยวใช้บริการเยอะ และมีอาหารเช้าบริการ ถือว่าให้เยอะใช้ได้ รสชาติก็ดี ตอนนี้ยังไม่เจออะไรชวนปวดหัวเท่าไหร่ 555










Traditional food of india 🇮🇳
อาหารอินเดียมื้อแรกของวันนี้ คนขับแทกซี่แนะนำพามาทาน เป็นร้านตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน บรรยากาศเหงาๆ ที่สั่งก็จะมี Chicken Biryani , Curry Chicken , Suffron Rice ทานคู่กับ Garlic Naan อร่อยมากก กินจนเกลี้ยงเลย ปิดท้ายด้วยของหวาน Gulab Jamun ที่ล้างปากได้ดี เป็นมื้อที่ฟินจริง




Crown of the Palace is an ivory white marble mausoleum on the south bank of the Yamuna river in the Indian city of Agra. 🇮🇳
และแลัวเราก็เจอกันจนได้ จากที่ต้นปีก่อนได้ทิ้งตั๋วอินเดียไป เพราะตอนนั้นที่กลับจากอิหร่านแลัวรู้สึกเบื่อๆ ไม่อยากไปไหนต่อละ ทริปมันกระชั้นชิดไป จนครั้งนี้ได้มาอีกครั้ง พร้อมพาพ่อแม่มาเที่ยวด้วย ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่อยากมามากๆ จริงๆก็หวังไว้ว่า นั่งร้านซ่อมแซ่มอาคารอะไรอย่ามีเลย แดดขอสวยๆ จะได้ฟินหน่อย 555 พอมาถึงแลัวแบบ โอ้โหมากกก สวยกว่าดูในเน็ตเยอะเลย เห็นว่าเป็นมรดกโลกด้วย แต่ประวัติมันก็เศร้าๆ และดราม่าหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มมาก ที่มาได้ถูกเวลา ชอบสุดๆ นับเป็นประสบการณ์ดีๆครั้งนึงในชีวิต
Street Snack : Panipuri
เป็นอีกขนมขบเคี้ยวที่น่าสนใจ เพราะสำหรับเรามันก็อร่อยดี กินเพลิน เป็นแป้งทอดลูกกลมๆ เวลากินเค้าจะเจาะรูตรงกลางให้แตกละใส่ซอสน่าจะเป็นน้ำจิ้มสะระแหน่ กับโยเกิร์ต ไม่เลี่ยนดี กับอีกอย่างคล้ายๆ Hash Browns ก็ดีงามมาก เป็นอีกสิ่งที่เจอแลัวจะสั่งทานอีก 55
แสงยามเย็นวันสุดท้ายของการอยู่เมือง Agra ก่อนที่วันพรุ่งนี้จะต้องเดินทางต่อไปยังเมือง Jaipur กับวิว Taj Mahal บนดาดฟ้าโรงแรม เป็นการเริ่มต้นทริปที่ดี แม้ตอนแรกอาจจะปวดหัวกับคนที่นี่พอสมควร ตั้งแต่สภาพบ้านเมือง สภาพจราจร ผู้คนตามแหล่งท่องเที่ยวที่เข้ามารบกวนสารพัด ทอนเงินไม่ครบบ้างกับอีกสารพัดปัญหา จนไปถึงโดนคนขี่จักรยานมาชนจนเค้าล้มกับพื้นกันเลยทีเดียว ละมาตีหน้ามึนใส่อีก ดีที่ไม่เจ็บตัวไรมาก ตอนแรกคิดว่าจะเจอเรียกเงินซะอีก 555 คือมันเป็นปัญหาที่ชวนหัวร้อนเหมือนกันนะ เราเองก็ผ่านความลำบากมาบ้างในบางประเทศ แต่ที่นี่มันโหดกว่าอีก แต่มีพี่ๆหลายคนก็แนะนำว่าให้ปล่อยวาง อดทน ใจเย็นๆ ซึ่งก็พยายามทำอยู่ ตอนแรกก็คิดว่าไม่สนุกละ แบบเริ่มเกลียดประเทศนี้ตั้งแต่วันแรกละ แต่พอคิดได้ก็เลยว่าจะลองพยายามดู ยังไม่รีบตัดสินใจอะไรแบบนั้น ลองดูกับอีก 8 วันที่เหลือ ว่าอินเดีย จะให้อะไรแก่เราบ้างในทริปนี้ 5555
เริ่มต้นวันเดินทางวันที่ 3 ก็มีปัญหาซะแลัว โดยรถไฟที่จะพาเราไป Jaipur เกิดยกเลิกขึ้นมา จะไปรอบถัดไปก็ไม่มีแลัว เลยตัดสินใจเปลี่ยนไปอีกสถานีนึง ก็พบว่าเป็นรถไฟ Local มีแต่ตั๋วยืนซะด้วย เห็นถึงความลำบากในอนาคตขึ้นมาทันที เพราะของเยอะ และใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง เลยตัดสินใจหารถเหมาไปเลยละกัน ให้มันจบๆไป สุดท้ายได้มาคันนึง จากการเลือกจากหลายๆคนที่มารุมเสนอตัวตรงหน้าสถานี ในราคา 6000 รูปี ตอนแรกก็กลัวว่ามันจะมีตุกติกอะไรเปล่า อย่างปล่อยกลางทางมั่ง เรียกเก็บเงินเพิ่มงี้ ก็นั่งเสี่ยงๆไป สุดท้ายนั่งมาครึ่งทางไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็เลยเพิ่งได้ผ่อนคลายซะที นั่งเครียดมาตลอดทาง 555 มีชื้อขนมให้ทานระหว่างทางอีก น่ารักจริงๆ แต่ข้างทางก็มีอะไรให้ดูเยอะดี ได้เห็นชีวิตอีกมุมที่ไม่เคยเห็น
Palace of Winds is a palace in Jaipur, India. It is constructed of red and pink sandstone. The palace sits on the edge of the City Palace. Jaipur
อีกที่ที่อยากมาที่สุดในทริปนี้ นั้นก็คือ Hawa Mahal
ที่โครงสร้างด้านนอกสร้างเลียนแบบมงกุฏของพระกฤษณะ ซึ่งเป็นเทพสำคัญองค์หนึ่งในศาสนาฮินดูและมีหน้าต่างเล็กๆจำนวนมากถึง 953 บาน ลักษะคล้ายรังผึ้ง ที่ออกแบบมาให้นางสนมนางในที่มีกฏต้องมีผ้าปิดคลุมหน้าของราชสำนักเอาไว้มองออกมาดูภายนอกวัง หรือขบวนแห่ต่างๆที่เคลื่อนผ่าน โดยที่ไม่มีคนภายนอกสังเกตเห็นได้ ก็เป็นอีกที่ที่สวยงามมากๆ ไม่คิดว่าจะมีสถานที่แห่งนี้ได้ ประทับใจมาก
เห็นแลัวเปรี้ยวปาก แขกขายถั่วที่นี้มีผักใส่เยอะดี น่ากินมาก ที่ไทยน่าทำแบบนี้นะ
ยำถั่วสไตล์อินเดีย วิธีทำก็เอามือนี่แหละ หยิบถั่วนั้นถั่วนี้มาขยำกับผักอย่างหัวหอม กับมะเขือเทศแลัวบีบเลมอน ละขยำยำให้เข้ากัน เวลาเสริฟใส่ห่อหนังสือพิมพ์มาให้ วิธีกินก็เทใส่มือละกรอกปากเอา เค้ายำได้อร่อยดีนะ กินง่าย ราคา 20 รูปี
Amer Fort is a fort located in Amer, Rajasthan, India. Amer is a town with an area of 4 square kilometres located 11 kilometres from Jaipur, the capital of Rajasthan. Located high on a hill, it is the principal tourist attraction in Jaipur
แวะมาชมป้อมอาเมร์ ที่ตั้งอยู่บนผาหินเหนือทะเลสาบ สร้างโดยมหาราชา มาน สิงห์ที่ 1 ป้อมปราการที่นี่มีชื่อเสียงทางด้านสถาปัตยกรรมซึ่งผสมผสานกันระหว่างศิลปะฮินดูและศิลปะราชปุต กิจกรรมที่นี่มีให้อาหารนก กับ ขี่ช้างชมป้อมด้วย ดูบันเทิงมาก
ไม่มียกเลิกอะไรทั้งนั้น ครั้งนี้นอนเป็นตู้นอนแบบ AC 2 Tier จองไว้ 4 เตียงเลยได้พื้นที่เป็นส่วนตัวหน่อย ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 12 ชั่วโมง มีความเตรียข้าว เตรียมน้ำเรียบร้อยแลัว 😂😂
เดินทางมาถึงเมือง Jaisalmer แล้ว หลังจากที่เดินทางมาตลอดทั้งคืน 12 ชั่วโมง เชคอิน โรงแรมเสร็จ ก็หาข้าวทานกัน บนดาดฟ้าของโรงแรม มีวิว Jaisalmer Fort อยู่ด้านหน้า สวยงามมากๆ เมืองนี้เงียบๆ กว่าเมืองที่ผ่านมา มีความผ่อนคลาย 55555
พร้อมกับจัดอาหารเกาหลีแถวโรงแรมที่เราพักกัน เป็นที่เรียบร้อย รสชาติดีมาก มีแต่คนเกาหลีมาทานกัน หายเบื่ออาหารอินเดียกันเลย 555
เริ่มต้นที่แรกของทริปวันนี้คือไปชม ฮาวาลี ( Patwa Ni Haveli. ) ที่น่าจะไฮโซที่สุดในแถบนี้ สร้างด้วยหินทรายสีทอง ที่แกะสลักลวดลายอย่างวิจิตรบรรจง และแต่ละห้องในบ้านหลังนี้ ล้วนตกแต่งได้สมกับเป็นบ้านคหบดีพ่อค้าที่ร่ำรวยในสมัยก่อนจริงๆ เป็นอีกที่ที่ชมเดินเพลินดี
ตกเย็นมานั่งดูหนุ่มสาวอินเดียพายเรือเล่นจีบกันในทะเลสาบซะหน่อย
Gadisar เป็นอ่างเก็บน้ำ สำหรับชาวเมือง สร้างโดย Maharaja Gadsi singh เมื่อประมาณหกร้อยกว่าปีก่อน ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกำแพงเมือง สิ่งก่อสร้างที่นี่ทำด้วยหินทรายสีทอง รอบอ่างน้ำจะมีวัด ศาลา ตั้งอยู่รายล้อม เวลาโดนแสงยามเย็นสาดเข้าแลัว สีสดสวยงามขึ้นจริงๆ เป็นอีกที่นึงที่เหมาะมานั่งปล่อยอารมณ์เล่น อัพเลเวลหน่อยก็เช่าเรือขี่เล่นด้วยก็ดีนะ 555
Morning Walk in jaisalmer city
เป็นเมืองที่มีเสน่ห์เหมือนกันนะ อยู่มาสองวัน เดินลัดเลาะตามถนนไปเรื่อย มีอะไรให้ดูเยอะดี บ้านเมืองสวยงาม แม้จะไม่สะอาดนัก ชอบตลาดที่นี้มาก แต่แปลกที่ไม่เห็นขายเนื้อสัตว์เลยแฮะ น่าจะกินมังกัน ส่วนเรื่องวัวนี่ไปไหนก็เจอจริงๆ ถ้าไม่เจอวัวก็เจอขี้วัว แพะ แกะ หมู แทน มีเต็มเมืองไปหมด ใครชอบเดินชิลๆอาจจะเหยียบได้ 555 โดยรวมเป็นอีกเมืองที่มีสีสันดี ไม่วุ่นวาย รถไม่ติด ปลอดภัย โอเคเลย
Good Morning from Jodhpur 🇮🇳
เมืองสุดท้ายของทริปนี้แลัว เดินทางมา 5 ชั่วโมงจากเมือง Jaisalmer บรรยากาศตอนเช้าดีมาก
วันแรกของการเที่ยวในเมืองจ๊อดปูร์ เริ่มกลับมาวุ่นวายแบบที่เคยเจอในวันแรกๆ รถเยอะ บีบแตรกันหูจะแตก และเดินหลงในหมู่บ้านสีฟ้าอีก ไม่ค่อยเจอมุมสวยๆ และเที่ยวป้อมเมห์รังครห์ตอนบ่าย ร้านอาหารส่วนใหญ่แถวที่พักก็เป็นมังสวิรัติกัน เลยต้องให้ตุ๊กตุ๊ก พาขับออกไปทานนอกเมือง 4 กว่ากิโล 5555 ดีหน่อยที่ที่พัก มีดาดฟ้าที่วิวดีใช้ได้เลย ชิลมากก
Ghanta Ghar, also known as the clock tower of Rajasthan, is in the Indian city of Jodhpur. It was built by Maharaja Sardar Singh. Beside the tower. there is the Sadar Market.
ตอนเช้ามาเดินตลาด Sadar Market ที่นี่จะมีพวกผัก ผลไม้ขายกันเยอะเต็มไปหมด และพวกเครื่องใช้ในบ้านต่างๆจนไปถึงกำไลข้อมือ หรือผ้าส่าหรี ผ้าคลุมของผู้หญิง โดยในตลาดจะเป็นที่ตั้งของ Clock Tower ที่เป็น สัญลักษณ์ของตลาดแห่งนี้อีกด้วย ค่าขึ้นไปชมวิวราคา 30 รูปี เป็นตลาดที่คึกคักดีเลยทีเดียว
ได้กินไข่ของ Mr.Omlette แลัววว อยู่ข้างกับตลาด Sadar Market นี่เอง เมนูที่ลุงเค้าแนะนำคือ Masala Cheese Omlette อร่อยอย่างที่พี่ๆบอกกันเลย โชดดีมากินตั้งแต่เปิดร้านใหม่ๆเลยได้คิวแรกๆ เลยรอไม่นาน เพราะพอสั่งเสร็จปุ๊ป คนก็มากันเพียบเลย ร้านลุงแกฮิตจริงๆ



The Jaswant Thada is a cenotaph located in Jodhpur, in the Indian state of Rajasthan. It was built by Maharaja Sardar Singh of Jodhpur State in 1899 in memory of his father, Maharaja Jaswant Singh II
ตกบ่ายมาเที่ยว Jaswant Thada ที่สร้างขี้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ Maharja Jaswant Singh II โดยตัวอาคารเกือบทั้งหมดนี้แผ่นใช้หินอ่อนนี้มีความบางมาก จนสามารถรู้สึกถึงความร้อนของแดดได้ คือถ้าภายนอกแดดแรงมาก แล้วเราอยู่ภายในอาคารจะมีบางส่วนของอาคารจะเห็นถึงความเข้มของแสงบนหินอ่อนได้ก็เป็นอะไรที่แปลกดี เข้าใจทำมาก