ทริปนี้เป็นการเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อย่างสิงคโปร์ และ มาเลเซีย ทั้งสองประเทศนี้เคยไปมาแล้ว โดยนั่งเครื่องบินไป แต่ครั้งนี้อยากเดินทางไปอีกเลยลองเปลื่ยนการเดินทางจากเดิมๆ จากที่เคยนั่งเครื่องบินไป คราวนี้เรานั่งรถไฟไทยไปนี่แหละ อยากรู้รสชาติการเดินทางว่าจะเป็นอย่างไร ยากมั้ย กับสิ่งที่ไม่เคยลอง เลยตัดสินใจลองดูสักตั้ง เพื่อปูทางไปยังประเทศต่างๆ อย่าง กัมพูชา พม่า เวียดนาม จะได้มีประสบการณ์ เฉพาะฉะนั้นการเดินทางครั้งนี้เลยต้องเตรียมตัวเป็นอย่างมาก ทั้งการจองรถไฟ จากไทยไปมาเลย์ ลงที่ปีนัง แล้วนั่งรถไฟในประเทศไปกัวลาลัมเปอร์ นั่งรถบัสไปมะละกาอีก และจากมาเลย์ไปสิงคโปร์โดยการนั่งรถบัสข้ามแดนไป หลังจากนั้นก็กลับ ประเทศไทย โดยสายการบิน Tiger Airline เป็นอันจบทริป
ระยะเวลาเที่ยวทั้งหมด มาเลเซีย (ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ มะละกา) 6 วัน สิงคโปร์ 3 วัน
วันแรกเราเริ่มเดินทางโดยรถไฟไทยจากสถานีหัวลำโพง รถออกทุกวันเวลา บ่าย 2 โมงกว่าๆ เดินทางโดยรถด่วนพิเศษ หมายเลข 35 ใช้เวลาจากกรุงเทพ – บัตเตอร์เวอร์ธ 1 วันเต็มๆ หากเลือกที่นั่งตามใบจองตามนี้ ที่นั่ง จะติดอยู่กับที่ชาตแบต สะดวกสบายมากๆ ไม่ต้องเดินไปเฝ้าโทรศัพ
ระหว่างที่นั่งรถไฟเดินทาง ที่จริงไม่จำเป็นต้องชื้ออาหารตุนจากต้นทางก้ได้ เพราะระหว่างทางจะมีแม่ค้า ขึ้นมาขายข้าวกล่องเยอะแยะมากมาย ราคาไม่แพงเลย แถมให้เยอะอีกต่างหาก ส่วนอาหารรถไฟ ขอบอกเลยว่า แพงมากๆ ไม่กล้าแตะเลย เพราะทริปนี้ตั้งใจจะประหยัดงบสุดๆ
เรื่องความสะดวดสบายของรถไฟไทย ตู้นอนที่เรานอน ใหม่มากๆ ไม่มีกลื่นอะไรเลย สะอาด พอไปตู้อื่นทั้งมืด ทั้ง เหม็นเลยทีเดียว โชดดีที่นั่งตู้นี้ ส่วนแอร์ปรับอากาศนั้น จะเย็นมากๆ ในช่วงตอนกลางคืน ขอแนะนำให้เตรียมผ้าห่มมาเองดีกว่า เพราะที่ทางเจ้าหน้าที่ให้มา ผ้าห่มผืนเล็กมากๆ สรุปว่าคืนนั้นนอนหนาวทั้งคืน ตื่นมาไอ เจ็บคอ คอแห้งอีก
เราเดินทางจากกรุงเทพ (หัวลโพง) เวลา บ่าน 2 กว่าๆ แต่มาถึง บัตเตอร์เวอร์ธ ในตั๋วบอกว่าถึง 12:55 แต่เอาเข้าจริงๆ ถึงประมาณ บ่าย 2 ได้ล่าช้าไปชั่วโมงนึง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราไปจอดเปลื่ยนหัวรถจักรที่ ปาดังเบซาร์รึเปล่า ลืมบอกเลย ก่อนที่เราจะถึง บัตเตอร์เวอร์ธ เราต้องไปปาดังเบซาร์ก่อน เพื่อตรวจคนเข้าเมือง ประทับตราที่พาสปอต ให้เรียบร้อย แล้วขึ้นรถไฟคันเดิม ที่นั่งเดิมเลย เมื่อมาถึง บัตเตอร์เวอร์ธ สภานีบัตเตอร์เวอร์ธใหญ่พอสมควรเหมือนกัน ตามแผนของที่เราต้องไปขึ้นเรือต่อ เพื่อไปยังเกาะปีนัง ในสถานีมีป้ายบอกชัดเจน เพื่อไปยังท่าเรือ ไม่ยากเลย เราเดินตามไปสักพัก ก็ถึงท่าเรือแล้ว หยิบเงิน จ่าบค่าตั๋วเพื่อข้ามฟากไปยังเกาะปีนัง เสร็จ ก็ต้องเวลาเรือออก นั่งไปประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้ว
เรื่องที่พักพอเรามาถึงเกาะปีนังแล้ว ก็เดินทางไปที่พักทันที เพื่อเก็บสัมถาระ เราได้เลือกนอนโฮสเทล ชื่อว่า
Peace Hostel
เลือกนอนแบบ Dormitory Room ข้อดีของที่นี้คือ มีแยกชาย หญิง และมีนอนรวมทั้งชายและหญิงด้วยที่พักแห่งนี้สะอาดและสะดวกสบายมากๆ ห้องน้ำใช้รวมกัน และที่พักแห่งนี้ใกล้สถานที่ท่องเที่ยว เจ้าของที่พักให้การแนะนำเกียวกับสถานที่ท่องเที่ยวได้ดี และการเดินทาง
เกาะปีนังนั้น เป็นหนึ่งในสิบสามรัฐที่ประกอบขึ้นเป็นสหพันธรัฐมาเลเซีย ผู้คนที่อาศัยที่นี้จะมีหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งชาวจีน อิสลาม และ ชาวอินเดีย อาหารการกินเลยมีให้เลือกเยอะแยะมากมาย สะอาด และราคาถูก พอๆกับบ้านเรา ส่วนสถานที่เที่ยวนั้นมีหลากหลายให้ไปเดินชมกันทั้ง Penang Hill, Street Art Georgetown, Kek Lok Si Temple, Cheong Fatt Tze Mansion.
ตามถนนหนทางทุกซอกทุกมุม จะมี wall Art เป็นตัวการ์ตูนน่ารักๆ หลายราย ให้ชมตลอดทั้งเมือง การเดินในเมืองจะไม่น่าเบือเลย เพราะเราจะได้แผนที่มาแล้วไปตามลายแทงตามสถานที่ต่างๆ จะให้ดี ต้องเช่าจักรยานด้วย ในเมืองปีนังมีร้านเช่าจักรยานอยู่เหมือนกัน หรือจะเช่าตามโฮสเทลก็ได้หากมีให้บริการ
อาหารองเกาะปีนังนั้นมีความน่ากิน น่าทานมากๆ ชวนให้ลองกิน อาหารที่นี้ไม่แพงเลย พอๆกับบ้านเรา ไหนๆก็มาแล้ว ไม่ควรพลาดเลยสักอย่าง
*ขออนุญาติยืมภาพจาก Google.com นะครับ
ที่พักของเมืองปีนังส่วนใหญ่จะเป็นเกสเฮาร์เล็กๆ ซะส่วนใหญ่ ราคาเลยไม่แรงเท่าไหร่ มีถูกๆ อยู่หลายที่ ไม่เกินคืนละ 500 บาท แต่ห้องมันจะเป็นแบบนอนรวม Dorm mix ซะส่วนใหญ่ บางที่อาจมีแยกซาย หญิง ก็ว่ากันไป
บรรยากาศรอบๆเมืองยามค่ำคืนที่นี้จะมีผับ บาร์ หลากหลายแนวเลย ทั้งเรกเก้ แจ้ส หรือร้านนั่งชิลทั่วๆไป ชาวต่างชาติมาเที่ยวเยอะพอสมควรเหมือนกัน ทั้งฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น ครบหมด บรรยากาศยามค่ำคืนเลยคึกคักเป็นพิเศษ
พอเราเดินเที่ยว ปีนังครบ 2 คืนแล้ว ก็ได้เวลาที่เราจะต้องย้ายเมืองเพื่อไปยัง กัวลาลัมเปอ กัวลาลัมเปอเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเป็นเมืองหลวงของมาเลเซีย
การเดินทางในมาเลเซีย โดยรถบัส และรถไฟ เราใช้บริการจองผ่านเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ จองง่าย ไม่ยากเลย เลยอยากจะแนะนำให้ใช้บริการจองของเว็ป
http://www.easybook.com/
การเดินทางจากปีนัง ไปกัวลาลัมเปอ เรามาจากท่าเรือที่เดิม กลับมายัง บัตเตอร์เวอร์ธ และรอขึ้นรถไฟตู้นอน ใช้เวลาทั้งหมด 7 ชั่วโมงกว่าๆ รถไฟตู้นอนของมาเลย์นั้นไม่ต่างกับของไทยมากนักก สภาพพอๆกัน มีตู้เสบียงพร้อม แต่ดูเก่าไปหน่อย ที่นอนบนรถไฟของมาเล นั้นดูดีกว่าของไทย ชั้นบนมีหน้าต่างไว้ดูวิว เหมือนกับข้างล่าง ทำให้เวลานอนไม่รู้สึกอึดอัดเลย คืนนั้นเลยหลับสบายเลย กว่าจะถึงกัวลาลัมเปอก็คงประมาณ ตี 5 กว่าๆ ใกล้เช้าพอดี
กัวลาลัมเปอร์ ( Kuala Lumpur ) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นเรายังพบเจอผุ้คนหลากหลายเชื้อชาติได้อยู่เสมอ จีน แขก อิสลาม อยู่ร่วมกัน เมืองแห่งนี้ค่อนข้างวุ่นวายเสียงดัง รถหนาแน่นจนาจรติดขัดไปหมด การเดินทางเที่ยวส่วนใหญ่เลยใช้บริการของรถไฟฟ้าดีกว่า สะดวกและทำเวลาได้ดีกว่าเยอะ
ที่พักสำหรับเมืองกัวลาลัมเปอ
Fernloft Kuala Lumpur @ Chinatown
โรงแห่งนี้อยู่ใกล้กับ สถานีรถไฟฟ้า เดินทางสะดวก ที่นี้เราเลือกนอนแบบ Bed in 20-Bed Mixed Dormitory Room ซึ่งได้ถูกมากกก คงจะตกใจทำไมห้องนึงเตียงเยอะจัง ถ้าเอาจริงๆ เราเข้าไป ต่างคนก็ต่างอยู่ ไม่มีอะไรน่ากลัว มีล็อกเก้อสำหรับเก็บของปลอดภัยครับ ห้องน้ำรวมเช่นกัน แต่ขอติว่า ห้องน้ำที่นี้มีน้อย และ Free Wifi นั้นช้ามาก สัญญาชอบขาดๆหายๆ
เนื่องจากเราใช้เวลาเที่ยวเมืองแห่งนี้ แค่ 1 วันเท่านั้น เลยได้ไปชมไม่กี่ที่ แต่ก็เอาแค่อันที่เป็นจุดสำคัญพอ
1.Petronas Twin Towers
2.Sultan Abdul Samad Building Kuala lumpur.
3.Kuala Lumpur National Mosque
จุกที่น่าสนใจที่สุดคงต้องยกให้ Petronas Twin Towers ตึกที่สูงที่สุดในประเทศมาเลเซีย ใครมากัวลาลัมเปอแล้วไม่มาเที่ยวที่นี้ถือว่ามาไม่ถึง เลยทีเดียว ตอนกลางคืนลานน้ำพุ ที่ตั้งอยู่ตรง สวน บริเวณ Petronas Twin Towers จะมีการแสดงของน้ำพุ หลากหลายสีสัน พร้อมเพลงประกอบสวยงาม และสร้างความประทับใจได้ดี
1 วันที่กัลลาลัมเปอจบไป เมืองสุดท้ายที่เราจะเดินทางในมาเลเซีย นั้นก็คือ มะละกานั้นเอง
เราเดินทางโดยรถบัส จากสถานีรถบัสที่ชื่อว่า ( Terminal Bersepadu Selatan )TBS ไป Malaca Sentral ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 3 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
เป็นเมืองหลวงของรัฐมะละกา 1 ใน 13 รัฐ ของประเทศมาเลเซีย เราคงเคยได้ยินชื่อช่องแคบมะละกาบ่อยๆ โดยช่องแคบมะละกาเป็นช่องแคบที่อยู่ระหว่างแหลมมลายูกับเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย ส่วนที่แคบที่สุดมีความกว้าง 1.5 ไมล์ เป็นยุทธศาสตร์ทางการเดินเรือที่สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมืองแห่งนี้มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมสมัยเก่า มีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจอย่าง จัตุรัสแดง (Red Square), โบสถ์คริสต์มะละกา (Christ Church Melaka), คลองมะละกา.
ที่พักที่เราเลือกที่นี้คือ
Sayang-Sayang Youth Hostel
ที่นี้เราได้ที่นอนเตียงใหญ่ คนละเตียงเลยสะดวกสบายๆมาก Free Wifi แรงใช้ได้ สัญญาไม่ขาด ห้องน้ำน้อย แต่สะอาดพอใช้ ที่พักสะอาด ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ราคาถูกมากๆ ต่อคืน แนะนำเลยครับ
จตุรัสดัตช์ (Dutch Square) ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ไปเที่ยวมะละกาจะต้องไปเที่ยวเดินเก็บภาพกอาคารสีแดงที่ถือเป็นหลักฐานสำคัญเพียงแห่งเดียวที่ชาวฮอลันดาได้สร้างทิ้งไว้ให้ชาวมะละกา
บ้านเรือนสวยงาม สมัยก่า ขี่จักรยารรอบๆ เมืองก็เพลินไปอีกแบบ มีมุมสำหรับถ่ายรุปเยอะแยะมากมาย น่าจะถูกใจสำหรับคนชอบเที่ยว ชอบถ่ายรุปกันพอสมควรเลย
Malacca Straits Mosque
มะละกายังมีอีกสถานที่นึงที่สวยงามมากๆ อีกที่นึง ซึ่งถ้าหากใครกำลังมองหาสถานที่มองพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ อยู่ละก็ ขอแนะนำให้สถานที่นี้เลย สุเหร่าริมน้ำ ที่สวยที่สุดในเมือง เราว่าเป็นมุมที่สวยที่สุด พอตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ตัวสุเหร่าก็จะเปิดไฟ ที่มีสีสันที่สวยงามมากๆ วิธีการเดินทางมาที่นี้ แนะนำให้ขี่จักรยานมา หรือไม่ก็ นั่งแท้กซี่มาจะดีที่สุด
อาหารการกินของที่นี้มีชื่อเสียงมากๆเลย มาแล้วต้องลิ้มลองอาหารต่างถิ่นให้ได้
1. Nasi Lemak
2. Cendol
3. Chicken Rice ball
4. Satay Celup
*ขออนุญาติยืมภาพถ่ายใน Google.com นะครับ
เราใช่เวลาเที่ยวทีนี้ 1 วันก็เพียงพอแล้ว แค่ One day Trips ก็พอ พรุ่งนี้ตอนบ่ายๆ เราต้องนั่งรถบัสเพื่อข้ามชายแดนไปยังสิคโปร์ต่อ เราใช้บริการรถบัส เราจองผ่าน Essybook.com ตลอดทริป เพราะสะดวกสบายดี และราคาไม่แพงเท่าไหร่ด้วย เราจองในเว็ปปุ้บ เขาจะส่งใบมาที่อีเมลเราปริ้นออกมา แล้วยื่นให้ที่สถานีรถ แล้วรับตั๋วจริงมา ก็เป็นอันเรียบร้อย สบายๆ ไม่ยากเลย จากมะละกา ไปยังสิงคโปร์ ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง โดยต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอีก ที่ชายแดน ที่สิงคโปร์จะเข็มงวดเป็นพิเศษ ในเรื่องการเข้าไปประเทศของเขา เขาจะขอดูหมด ใบจองโรงแรม และตั๋วขากลับของเรา พอดีเราจะกลับประเทศไทยโดยเครื่องบิน เลยยื่นใบจองขากลับไป ของ ไทเก้อ แอร์ไลน์ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ประทับตราแล้วเดินเข้าไปยัง ประเทศสิงคโปร์ได้เลย
สิงคโปร์ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐสิงคโปร์ เป็นนครรัฐสมัยใหม่และประเทศเกาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่นอกปลายทิศใต้ของคาบสมุทรมลายูและอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร 137 กิโลเมตร ดินแดนของประเทศประกอบด้วยเกาะหลักรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน
ประเทศสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางพาณิชย์สำคัญของโลกแห่งหนึ่ง โดยเป็นศูนย์กลางการเงินใหญ่สุดเป็นอันดับสี่และเป็นหนึ่งในห้าท่าที่วุ่นวายที่สุด เศรษฐกิจซึ่งเป็นโลกาภิวัฒน์และมีความหลากหลายอาศัยการค้าเป็นหลักเพราะฉะนั้นเวลาเราไปเที่ยวเราจะเห็นตึกสวยๆมากมาย ให้เห็นทั่วไป
อาหารการกินของที่นี้มีให้เลือกกินหลากหลายมากๆ แต่ราคาแอบแพงไปหน่อย ค่าครองชีพที่นี้ต่างกับมาเลเซียมากๆ ทั้งค่ากิน ค่าที่พัก ราคาสูงมากจริงๆ เรามาดูของกินกันเถอะ ว่ามีอะไรน่าทานบ้าง หากมาเที่ยวสิงค์โปร์แล้ว
1. Chilli Crab
2. Kaya Toast
3. Chicken Rice
4. Satay
5. Laksa
*ภาพอาหารทุกอย่างนำมาจาก google.com ครับ
ที่พักในสิงคโปร์นั้นราคาค่อนข้างสูงมากๆ สู้ไม่ไหวจริงๆ เราเลยต้องหานอนตามโฮสเทลอีกแล้ว
Backpackers’ Inn Chinatown
ที่พักที่นี้สะดวกสบายมากๆ เพราะอยู่ย่านชุมชน ChinaTown ใกล้ของกิน ใกล้สถานที่เที่ยว ใกล้สถานีรถไฟฟ้า เดินทางสะดวกมากๆ ราคาไม่แพงมาก ถ้าเทียบกลับที่อื่น
การมาเที่ยวสิงคโปร์นั้น หากชอบถ่ายรุป Cityscape แล้ว ที่นี้ถือว่าเป็นสวรรค์เลยก็ว่าได้ สำหรับช่างภาพหลายๆ คน เพราะที่นี้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ทันสมัย แสงสีภายในเมืองนั้นไม่เคยหลับไหลเลย เลยอยากจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและจุดถ่ายรูปให้รู้ แต่ละจุดครับ
Name : Marina Barrage
เขื่อนซึ่งเป็นที่พักผ่อนของชาวสิงคโปร์ ตอนเย็นๆ จะพบเห็นผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อฝูง หรือครอบครัว มาปิกนิกกันบนนี้ จากบนนี้เราจะเห็นวิวที่สวยงามมากๆ เห็นทั้ง Marina Bay Sands ,Gardens by the Bays และ Sigapore Flyer ไม่ควรที่จะมาเก็บมุมนี้ครับ สามารถใช้ขาตั้งกล้องได้
Location : 1.279265, 103.870700
Name : Marina Bay Sands with Singapore Flyer.
มุมนี้อยู่ใกล้กับ Merlion จากจุดนี้สามารถเห็น Marina Bay Sands with Singapore Flyer. ได้อย่างชัดเจนถ่ายภาพทั้งเช้า และ เย็นได้อย่าสวยงามมากๆเลยครับ
Location : 1.287036, 103.854752
Name : Helix Bridge
สะพาน Helix Bridge หรือสะพานรูปเกลียว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ที่ใครๆ มาเที่ยวสิงคโปร์ ก็ต้องมาถ่ายรูปด้วยทุกคน ด้วยลักษณะการออกแบบที่ดูแปลกตา เป็นลักษณะการจำลองแบบมาจาก DNA สะพานแห่งนี้เป็นสะพานเชื่อมระหว่างนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินเที่ยวระหว่างฝั่ง อาคาร Marina Bay Sands กับ ฝั่ง Singapore Flyer เป็นจุดที่มาแล้ว ต้องมาถ่ายรูปจุดนี้ให้ได้
Location : 1.287497, 103.860588
Name : ArtScience Museum and Singapore City
จุดนี้ถ่ายจากบน Helix Bridge เช่นกัน เป็นมุมที่เห็นตึกรูปทรงประพลาด ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลป์และศาสตร์และเป็นแห่งแรกของโลกเลยทีเดียว จุดนี้สามารถเห็นตัวเมืองได้เลย
Location : 1.287497, 103.860588
Name : City Night
จุดนี้จะเห็นตึกที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจของสิงคโปร์ได้อย่างดีเยื่ยม แสงสี ของเมืองที่สะท้อนลงน้ำเต็มๆ ช่วยสร้างความสวยงามได้อย่างเหลือเชื่อเลย
Location : 1.288994, 103.857527
Name : Gardens By the Bay
ป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ ในย่าน Marina Bay เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของสิงคโปร์ในเวลานี้ สวนแห่งนี้มีความโดดเด่นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรม พันธุ์ไม้นาๆ ชนิดจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งพืชทะเลทราย พืชเมืองหนาว พืชที่อยู่บนดอยสูงระดับ 2,000 เมตรจากน้ำทะเล อย่างเช่นกุหลาบพันปี มีการทำโดมปรับอากาศเรือนกระจกรูปทรงเปลือกหอยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถึง 2 โดม โดยไม่มีเสาค้ำยันภายในโดม ขนาดใหญ่ 2.2 และ 1.5 เท่าของสนามฟุตบอล ในนี้มีจุดชมวิวหลากหลายมุมให้ถ่ายกันอย่างจุใจเลยยิ่งยามค่ำคืนแล้ว ต้นไม้จะเปิดไฟทุกต้น และมีการแสดงแสงสีเสียงให้ชมกันอีก
Location : 1.281392, 103.863624
Name : Reflection of Singapore.
มุมนี้ถือว่าพิเศษมากๆ เลย เพราะสามารถเห็นทุกอย่างที่เป็น Hilight ของสิงคโปร์ได้หมดทุกที่ จากจุดที่มองตรงนี้ ยามค่ำนั้นพิเศษมากๆ เป็นมุมที่ไม่ควรพลาดที่จะชมแสงสียามค่ำคืน
Location : 1.288176, 103.868913
Name : Merlion
จุดยอดนิยมเลยสำหรับใครที่มาเที่ยวสิงคโปร์ ต้องมายืนถ่ายรุปคู่กับเจ้าสิงโตพ่นน้ำตัวนี้ ไม่ควรพลาดที่จะเก็บภาพทั้งเช้า และ เย็นเลยทีเดียว ตอนเช้าจะสบายหน่อย ไม่มีคนมาคอยกวนใจ
1.287036, 103.854752
Name : Marina bay Sands Skypark
สถานที่ยอดนิยม ที่นักท่องเที่ยวและช่างภาพ ต้องขึ้นไปชมวิว ข้างบน ถ่ายรูปตอนกลางคืนกันอย่างจุใจได้เลย จากจุดนี้
Location : 1.284671, 103.861286
Name : Esplanade with Laser Show
จุดนี้จะได้ชมการแสดงแสงเลเซอร์จาก Marina Bay Sands และจากตึกเอสพลานาด ด้านหน้าของตึกแห่งนี้มี Esplanade – Theatres on the Bay ที่จัดไว้เพื่อโชว์การแสดงดนตรีไว้เช่นกัน
Location : 1.289128, 103.856010
Name : Laser Show by Marina Bay Sands.
มุมมหาชนหน้าตรง กับมุม Marina Bay Sands เป็นจุดที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ แสงเลเซอร์ที่ส่องออกมาจากตัวตึกแห่งนี้ เห็นได้ชัดเจน มีความสวยงามมากๆ
Location : 1.285659, 103.854188
เราใช้เวลาเที่ยวที่นี้ ทั้งหมด 3 วัน จุดเด่นของสิงคโปร์ก็คือ อ่าว Marina Bay โดยรอบๆจะมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมาย อย่าง Marina Bay Sands , Garden by the bays , Singapore Fiyer หรือจะเป็น litle india และ China town สถานที่เหล่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด สิงโปร์ยามค่ำคืนนั้น หากใครอยากเที่ยวแหล่งบันเทิงแล้ว ขอแนะนำเลยก็คือ Clarke Quay ย่านผับ บาร์ มีเบียร์อร่อยๆ ให้ดื่มและอาหารหลากหลายให้เลือกชิม
วันสุดท้ายการเที่ยวเมือง สิงคโปร์ก็จบลง ตลอด 3 วันที่อยู่ที่นี้ เราได้เวลาเดินทางกลับประเทศไทย โดยใช้บริการของ Tiger Airline ขึ้นที่สนามบิน Changi Airport ใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ก็เดินทางถึงสนามบิน สุวรรณภูมิ ประเทศไทย เป็นอันจบทริปเรียบร้อยแล้ว
ที่พักที่เราจองทั้งหมด ในการเดินทางตลอด 8 วัน ครับ ส่วนใหญ่เราเลือกพักเป็นแบบ นอนห้องรวม เตียงสองชั้น ห้องน้ำรวม เพราะราคาจะถูกกว่านอนโรงแรมเยอะมากๆเลย เว็ปที่เราจองส่วนใหญ่เป็นเว็ป booking.com เท่านั้น เพราะมีความน่าเชื่อถือมากๆ ไปถึงมีห้องให้อยู่แน่นอน และสามารถจองล่วงหน้าได้หลายๆวันโดยยังไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้
ทริปนี้เราเลือกใช้บริการ Pocket Wifi ของ Tripizee เจ้าเดิมที่เราเลือกใช้ทุกครั้ง เวลาที่เราเดินทางไปต่างประเทศ เพราะเรามั่นใจในสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่เร็ว และมีราคาที่ไม่แพงมากนัก อุ่นใจทุกครั้งที่ใช้ โดยบริการตกวันละ 200/วัน เท่านั้นครับ หากสนใจสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียด ตามนี้เลยครับ https://www.tripizee.com/th
สำหรับการรับ – คืน เครื่อง สามารถเลือกรับที่บูธสนามบินสุวรรณภูมิชั้น B1 Airport Rail Link จะมีน้องๆเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ วิธีการใช้งาน หรือ เลือกบริการ จัด-ส่งฟรี ทั่วไทย โดยบริการของ Kerry Express ที่จัดส่งตรงถึงมือคุณ ภายใน 1-2 วันก่อนการเดินทาง